การทำ PRP ผมคืออะไร รักษาอาการผมร่วง ผมบางได้จริงหรือ ? เพราะบุคลิกภาพเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งปัญหาผมร่วง ผมบาง และหนังศีรษะล้าน ทำให้หลายคนเสียความมั่นใจ ไม่กล้าเซทผม หรือ ทำผมตามที่ชอบเพราะกลัวคนอื่นจะแอบเห็นหนังศีรษะ และที่สำคัญปัญหาผมร่วงผมบางมักจะเป็นปัญหาที่พบในผู้สูงอายุ ซึ่งปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน และศีรษะเถิกทำให้ดูมีอายุมากได้
การทำ PRP ผมเป็นอีกหนึ่งวิธีปลูกผมที่คนนิยม ซึ่งบทความนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักว่า จริงๆ แล้วการทำ PRP คืออะไร การฉีด PRP สามารถแก้ปัญหาผมร่วงผมบางได้จริงหรือไม่ เหมาะกับใคร ข้อดีและข้อจำกัดของการทำ PRP คืออะไร ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการทำ PRP รวมไว้ในบทความนี้ทั้งหมดแล้ว!
PRP ผม คืออะไร
การทำ PRP ผม หรือ PRP Hair Therapy คือ การปลูกผมในรูปแบบหนึ่ง โดยแพทย์จะฉีด PRP (Platelet Rich Plasma) ของคนไข้เอง เข้าไปที่หนังศีรษะบริเวณที่พบปัญหาผมร่วง ผมบาง และศีรษะล้าน เพื่อไปให้สารใน PRP เข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผม ทำให้ผมที่งอกออกมาใหม่ มีขนาดเส้นผมที่หนามากขึ้นและแข็งแรงมากขึ้น
นอกจากนี้การฉีด PRP หรือที่หลายคนเรียกว่า เกล็ดเลือดเข้มข้น ยังสามารถช่วยกระตุ้นให้เซลล์รากผมที่หยุดทำงานไปแล้ว กลับมาทำงานและงอกผมขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง พร้อมทั้งบำรุงเซลล์รากผมให้กลับมาแข็งแรง ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาผมร่วงผมบางได้ในระยะยาวทำให้ผมกลับมาดูหนามากขึ้น
การทำ PRP เป็นเทคนิคการปลูกผมที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อรักษาอาการผมร่วงผมบาง โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ใช้สารเคมี ไม่เจ็บตัว และไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น ซึ่งการทำ PRP นับว่าเป็นวิธีรักษาอาการผมร่วงผมบางแบบธรรมชาติและปลอดภัยต่อร่างกาย
PRP (Platelet Rich Plasma) คืออะไร
แล้วการฉีด PRP ที่แพทย์ฉีดเข้าไปในร่างกายคืออะไรกันแน่ ? จริงๆ แล้ว PRP (Platelet Rich Plasma) คือ พลาสม่าที่มีเกล็ดเลือดเข้มข้น ที่ได้จากการปั่นแยกพลาสม่าออกมาจากเลือด โดยใช้เครื่องเหวี่ยงสาร (Centrifuge) ซึ่งเลือดที่นำมาคัดแยกพลาสมาจะเป็นส่วนประกอบของเลือดที่ได้มาจากตัวผู้เข้ารับการรักษาเอง ทำให้การทำ PRP เป็นหนึ่งในวิธีปลูกผมที่ปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และมีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดภาวะแทรกซ้อนและอาการแพ้ต่ำมาก
ทั้งนี้ PRP ที่ฉีดเข้าไปจะมีเกล็ดเลือดมากกว่าในกระแสเลือดทั่วไป 3-4 เท่า หรือประมาณ 1,000,000 หน่วยต่อไมโครลิตร และในปัจจุบันมีการนำ PRP ไปใช้ในทางการแพทย์ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เช่น ในวิทยาศาสตร์การกีฬา การฉีด PRP สามารถช่วยให้อาการบาดเจ็บของนักกีฬาหายได้เร็วมากขึ้น และสามารถช่วยสมานบาดแผลที่เกิดขึ้นได้ หรือ แพทย์ผิวหนังที่ใช้ PRP เพื่อช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า ทำให้หน้าเต่งตึงและดูเยาว์วัยมากขึ้น เป็นต้น
ส่วนประกอบใน PRP
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะยังคงสงสัยว่าแล้วส่วนประกอบใน PRP หรือ เกล็ดเลือดเข้มข้น ที่ฉีดเข้าไปในร่างกายมีส่วนประกอบของอะไรบ้าง ?
ส่วนประกอบสำคัญใน PRP คือ เกล็ดเลือดเข้มข้น และสารต่างๆ ที่เรียกว่า Growth Factor ที่ช่วยให้มีเลือดไปหล่อเลี้ยงเซลล์รากผมมากขึ้น ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมทำให้เซลล์รากผมทำงานได้ดีมากขึ้น เมื่อเซลล์รากผมทำงานได้ดี จึงส่งผลให้เส้นผมที่เกิดใหม่จะแข็งแรงและหลุดร่วงได้ยาก
ซึ่งการทำ PRP สามารถช่วยลดปัญหาผมบาง ผมร่วง และศีรษะล้านได้ โดยส่วนใหญ่ผู้เข้ารับการรักษาด้วยการฉีด PRP มักจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดมากขึ้นภายในระยะเวลา 3-6 เดือนหลังจากเข้ารับการรักษา แต่ระยะเวลาที่เห็นผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคนด้วย
การทำ PRP เหมาะกับใครบ้าง
สำหรับผู้ที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะเถิก และศีรษะล้านด้วยการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE และ ปลูกด้วยเทคนิค FUT ได้ การฉีด PRP เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยแก้อาการผมร่วงผมบางได้ดี และการฉีด PRP ยังเหมาะกับคนที่กังวลเรื่องการผ่าตัด กลัวเจ็บ ไม่อยากดมยาสลบ หรือ กังวลเรื่องแผลเป็นหลังผ่าตัด รวมไปถึงคนที่ไม่มีเวลาพักฟื้นหลังผ่าตัด จะค่อนข้างเหมาะกับการทำ PRP มากกว่าการผ่าตัดปลูกผมแบบอื่นๆ
ทั้งนี้การทำ PRP จำเป็นต้องตรวจสภาพเซลล์รากผมและหนังศีรษะก่อน ว่าเซลล์รากผมยังสามารถกลับมาทำงานได้ปกติ เพื่องอกเส้นผมใหม่ได้หรือไม่ หรือ เซลล์รากผมเสื่อมสภาพไปแล้ว
ในกรณีที่เซลล์รากผมยังสามารถงอกเส้นผมใหม่ได้ แพทย์มักจะแนะนำให้ทำ PRP ก่อน แต่ถ้าหากเซลล์รากผมเสื่อมสภาพหมดแล้ว ไม่สามารถงอกผมได้ใหม่ แพทย์อาจจะแนะนำการผ่าตัด ปลูกผม FUE หรือ ปลูกผม FUT แทน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจมากกว่า
ทั้งนี้วิธีรักษาอาการผมร่วงผมบางของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน แนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาและประเมินสภาพเซลล์รากผมและหนังศีรษะก่อนจะดีกว่า
Leave a Reply